KLINIQ พารวย”4 เซียนหุ้น”ฟาดกำไรวันเดียวกว่า 200 ล้านบาท

เรื่องที่น่าสนใจ เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

เปิดโผผู้ถือหุ้นใหญ่ KLINIQ พบ 4 เซียนหุ้น “ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ,วิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์, คเชนทร์ เบญจกุล และ พีรนาถ โชควัฒนา” ถือหุ้นใหญ่ มูลค่าพอร์ตรวม 545 ล้านบาท ฟาดกำไรหุ้น KLINIQ วันเดียวรวมกว่า 222 ล้านบาท ราคาพุ่ง 65- 70 % จากราคาไอพีโอ ปิดที่ 24.50 บาท

ไม่ผิดดหวังราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (MAI) วันแรกเมื่อ วันที่ 7 พ.ย.65 ปิดที่ระดับสูงสุด 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 17.00 บาท หรือ บวก 69.39% จากราคาไอพีโอ 24.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5,563 ล้านบาท โดยราคาหุ้น KLINIQ เปิดซื้อขายอยู่ที่ระดับ 36.00 บาท และระหว่างวันทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 35.50 บาท สูงสุดที่ 41.50 บาท มีปริมาณการซื้อขายมากถึง 143.84 ล้านหุ้น ขณะที่การเสนอขายไอพีโอเพียง 60 ล้านหุ้นและทุนชำระแล้ว 220 ล้านหุ้น

ล่าสุดราคาหุ้น KLINIQ วันนี้ ( 8 พ.ย.) เปิดซื้อขายที่ 41.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลบ 1.20% และเมื่อเวลา 11.32 น.ราคาอยู่ระดับ 40.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ ลบ 2.41% แต่ยังสูงกว่าราคาไอพีโอ 65.31% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 627.05 ล้านบาท ราคาสูงสุดอยู่ที่ 42.75 บาท และต่ำสุดที่ 40.00 บาท โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 41.41 บาท

ขณะที่โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ KLINIQ 10 อันดับแรก จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ วันที่ 7 พ.ย.65 มีรายชื่อดังนี้

นายแพทย์ อภิรุจ ทองวัฒน์ ถือ 70,421,220 หุ้น สัดส่วน 32.01%
บริษัท ทีเคคิวเอช แคปปิตอล แมนเนจเมนท์ จำกัด ถือ 23,709,091 หุ้น สัดส่วน 10.78%
นาง พจนันท์ ศรีอภัย ถือ 21,024,000 หุ้น สัดส่วน 9.56 %
บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) ถือ 16,000,000 หุ้น สัดส่วน 7.27%
นาย รัฐพล กิตติชัยตระกูล ถือ 15,754,780 หุ้น สัดส่วน 7.16%
นาย ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ถือ 5,818,182 หุ้น สัดส่วน 2.64%
นาย วิชัย วชิรพงศ์ ถือ 2,500,000 หุ้น สัดส่วน 1.14%
นาย คเชนทร์ เบญจกุล ถือ 2,424,242 หุ้น สัดส่วน 1.10%
นาย พีรนาถ โชควัฒนา ถือ 2,424,242 หุ้น สัดส่วน 1.10 %
N C B TRUST LIMITED-NORGES BANK 30 ถือ1,992,000หุ้น สัดส่วน 0.91%

ทั้งนี้พบว่า 4 เซียนหุ้นแถวหน้าของไทยได้แก่ นายไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ,นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์, นายคเชนทร์ เบญจกุล และนายพีรนาถ โชควัฒนา มีมูลค่าพอร์ตรวมกันกว่า 545 ล้านบาท ( ข้อมูล ณ 8 พ.ย.65 อิงราคาเฉลี่ย 41.41บาท ) ทำกำไรทางบัญชีวันเดียวกว่า 222 ล้านบาท จากราคาไอพีโอ ดังนี้

 

นายไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา มูลค่าพอร์ต 240.93 ล้านบาท มูลค่าไอพีโอ 142.55 ล้านบาท กำไร 98.38 ล้านบาท
นายวิชัย วชิรพงศ์ มูลค่าพอร์ต 103.53 ล้านบาท มูลค่าไอพีโอ 61.25 ล้านบาท กำไร 42.28 ล้านบาท
นายคเชนทร์ เบญจกุล มูลค่าพอร์ต 100.39 ล้านบาท มูลค่าไอพีโอ 59.39 ล้านบาท กำไร 41.00 ล้านบาท
นายพีรนาถ โชควัฒนา มูลค่าพอร์ต 100.39 ล้านบาท มูลค่าไอพีโอ 59.39 ล้านบาท กำไร 41.00 ล้านบาท

ส่วนชื่อ”อั้ม – พัชราภา ไชยเชื้อ” ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าได้เข้าลงทุนโดยถือหุ้นใน KLINIQ ด้วยนั้น

 

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ กล่าวว่า การจัดสรรหุ้นไอพีโอครั้งนี้ บริษัทได้จัดสรรให้กับ อั้ม – พัชราภา ไชยเชื้อ ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัท

 

อ่านเพิ่ม : “อั้ม พัชราภา”โผล่ซื้อหุ้นไอพีโอ KLINIQ เตรียมเทรด mai 7 พ.ย.นี้

 

อนึ่ง หุ้นไอพีโอ KLINIQ ได้จัดสรรให้กับผู้มีอุปการคุณ รวมไม่กิน 9,000,000 หุ้น คิดเป็น 15% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

 

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ เผยว่า ราคาหุ้นของ KLINIQ ที่พุ่งสูงกว่าราคาไอพีโอ ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วไป นักลงทุน VI และนักลงทุนสถาบัน ที่มองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

 

ชู 3 จุดแข็ง

 

KLINIQ ในฐานะผู้นำธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ความงามครบวงจร คลินิกเจ้าแรกของประเทศไทย เข้าระดมทุนตลาดหุ้นสำเร็จ ภายใต้ 3 จุดแข็ง

 

1.แบรนด์ THE KLINIQUE ที่มีความแข็งแกร่ง ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ นวัตกรรมเครื่องมือ US FDA และประสบการณ์มายาวนานกว่า 13 ปี
2.จุดแข็งในเรื่องของโมเดลธุรกิจ Asset Light และ
3.ฐานะการเงินที่มีความแข็งแกร่ง ไร้หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย (Cash Rich-Zero Debt) รวมทั้งการมีลูกค้ากว่า 2 แสนราย เข้ามาใช้บริการซ้ำ ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income)

เมื่อผนวกกับแผนการขยายคลินิกเวชกรรม 6-10 สาขา/ปี ทั้งในกรุงเทพฯ หัวเมืองหลัก และหัวเมืองรอง ทำให้เห็นภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ KLINIQ ในช่วง 1-3 ปีขางหน้า

สำหรับเงินที่ได้รับจากการขยายไอพีโอในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาคลินิกเวชกรรมราว 6-10 สาขาต่อปี ครอบคลุม พื้นที่กรุงเทพฯ หัวเมืองหลัก และหัวเมืองรอง โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายคลินิกเวชกรรมและจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมประมาณ 950 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนภายใน 2-3 ปี ส่วนศูนย์ศัลยกรรมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนภายใน 3-4 ปี