ปปง. งัดประกาศกระทรวง สั่ง ระงับการชำระราคาหุ้น More ทั้งหมด เผย เบื้องต้นพบคนซื้อ – คนขายเป็นกลุ่มคนเดียวกัน
ฐานเศรษฐกิจ เกาะติดสถานการณ์ หุ้น MORE อย่างต่อเนื่อง มีรายงานล่าสุดว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. อาศัยอำนาจประกาศกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ. 2563 ข้อ 16 ข้อ 17และข้อ 23 สั่ง ระงับการชำระราคาทั้งหมดของหุ้น More เนื่องจากตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คนซื้อ คนขายเป็นกลุ่มคน ๆ เดียวกัน
ทั้งนี้ สำหรับกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ. 2563 สาระสำคัญ ปรากฎในหมวด 3 การตรวจสอบข้อเท็จจริงของลูกค้า ข้อ 16 ระบุว่า ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าในกรณี ดังต่อไปนี้
(1) เมื่อเริ่มสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า
(2) เมื่อมีการทำธุรกรรมเป็นครั้งคราว
(ก) ไม่ว่าครั้งเดียวซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป หรือหลายครั้งที่มีความต่อเนื่องซึ่งมีมูลค่ารวมกันตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป
(ข) ที่เป็นการให้บริการรับชำระเงินแทนในแต่ละครั้งซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป หรือ
(ค) ที่เป็นการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือการให้บริการโอนเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละครั้งซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป
(3) เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานการฟอกเงิน
หรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(4) เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลตัวตนของลูกค้า
นอกจากนี้ในข้อ 17 ระบุ ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าโดยดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) ระบุตัวตนและพิสูจน์ทราบตัวตนของลูกค้าโดยใช้เอกสาร ข้อมูล หรือข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือนอกเหนือจากการขอข้อมูลจากลูกค้าก็ได้
(2) ระบุผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงและใช้มาตรการที่เหมาะสมในการพิสูจน์ทราบผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงโดยใช้เอกสาร ข้อมูล หรือข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือนอกเหนือจากการขอข้อมูลจากลูกค้าก็ได้
(3) ตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าและผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของลูกค้ากับข้อมูลรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(4) ขอข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมจากลูกค้า เพื่อนำมาพิจารณาความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือการทำธุรกรรมเป็นครั้งคราวกับลูกค้า
(5) ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจของลูกค้าตลอดช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจยังดำเนินอยู่ว่า ยังคงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจข้อมูลทางธุรกิจของลูกค้า ระดับความเสี่ยงของลูกค้าที่ได้ประเมินไว้ และข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้ รวมถึงข้อมูลอื่นของลูกค้าที่มีอยู่หรือไม่ การระบุตัวตนของลูกค้าและผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของลูกค้าตามวรรคหนึ่ง (1) และ (2) ให้เป็นไปตามแนวทางที่เลขาธิการประกาศกำหนด
และกำหนดไว้ในข้อที่ 23 ระบุว่า ในกรณีที่สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ไม่สามารถตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามข้อ 17 ได้ ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ปฏิเสธการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ไม่ทำธุรกรรม ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือไม่ทำธุรกรรม เป็นครั้งคราวกับลูกค้าดังกล่าว และพิจารณารายงานเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยต่อสำนักงาน